ล้างรถ ให้ถูกวิธี มีกี่ขั้นตอน

สำหรับคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ โดยเฉพาะคนที่รักในการดูแลรถเป็นอย่างดี การล้างรถ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการดูแลรักษารถที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยให้รถดูสะอาดแล้วยังเป็นการถนอมสีรถไปในตัวอีกด้วย

แต่นั่นก็หมายถึงว่า เราจะต้องรู้จักขั้นตอนการล้างรถที่ถูกต้องด้วยนะครับ เพราะการล้างรถที่ผิดวิธีนอกจากจะทำให้รถเราไม่สะอาดแล้ว ก็อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนต่อสีของตัวรถ และอาจจะเกิดสนิมในตัวรถได้เช่นกัน การล้างรถเองสำหรับคนที่รักรถนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากพอสมควรครับ

การที่เราล้างรถเป็นประจำจะเป็นการช่วยป้องกันคราบสิ่งปรกไม่ให้เกาะรถของเรา เพราะหากรถเราไม่ได้ล้างนานๆ ปล่อยไว้จนเกิดคราบฝั่งแน่นเอาออกยากเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่าคงต้องเสียเงินเข้าคาร์แคร์กันอีกแน่ๆครับ ฉะนั้น มาดูกันครับว่าขั้นตอน การล้างรถให้ถูกวิธี มีกี่ขั้นตอน แต่ละขั้นตอนมีอะไรบ้าง

เตรียมอุปกรณ์ล้างรถให้พร้อม

การเตรียมตัวล้างรถด้วยตัวเองง่ายๆ โดยอุปกรณ์ล้างรถมีดังนี้
1. ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างรถยนต์โดยเฉพาะน้ำยาล้างรถ
2. ฟองน้ำเนื้อละเอียดสำหรับล้างรถ
3. ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์
4. แปรงล้างสำหรับขัดล้อรถยนต์
5. สายยางฉีดน้ำแรงดันสูง
6. ถังน้ำจำนวน 2 ใบ เพื่อใส่น้ำยาล้างรถ และซักผ้าล้างรถ

ขั้นตอนการล้างรถที่ถูกวิธี

1. ฉีดน้ำล้างคราบสกปรก
การล้างรถที่ถูกวิธีในขั้นตอนนี้ ให้เริ่มต้นการดูแลรักษารถด้วยการฉีดน้ำจากบนหลังคาลงมาด้านล่างด้วยน้ำเย็น เพื่อเป็นการชะล้างคราบสกปรกที่ฝังแน่นให้อ่อนตัวลง

2. ผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างรถ
ควรผสมในอัตราส่วนตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนฉลากของ ผลิตภัณฑ์ดูแลรถยนต์ เนื่องจากน้ำยาล้างรถแต่ละยี่ห้อมีอัตราส่วนการผสมไม่เท่ากัน

3. ล้างจากหลังคาลงด้านข้าง
วิธีล้างรถที่ถูกต้อง ควรใช้ฟองน้ำสำหรับล้างรถทำความสะอาดจากหลังคารถไล่ลงมาด้านข้าง ส่วนบริเวณตามขอบต่างๆ และกระจกรถให้ใช้ผ้าสำลีเช็ดทำความสะอาดแทน เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเม็ดทรายติดอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนจนต้องเสียเวลาลบรอยขีดข่วนรถยนต์ได้ค่ะ

วิธีล้างรถ

4. ใช้ฟองน้ำล้างแยกส่วน
วิธีการล้างรถอย่างถูกวิธีในขั้นตอนนี้ มักจะมีหลายๆ คนมองข้าม การล้างรถให้สะอาดควรจะต้องแยกฟองน้ำล้างรถตามส่วนต่างๆ ได้แก่ ฟองน้ำอันแรกใช้ทำความสะอาดหลังคารถ ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง ผ้าสำลีใช้ทำความสะอาดกระจกรถและขอบต่างๆ ฟองน้ำอีกอันใช้ล้างล้อรถ และส่วนที่มีคราบสกปรกมากๆ

5. ล้างน้ำเปล่าทันที
การล้างรถที่ถูกวิธีนั้น เมื่อทำความสะอาดรถส่วนใดเสร็จแล้วต้องล้างน้ำเปล่าทันที ก่อนที่จะไปล้างส่วนอื่นต่อไป และต้องทำแบบนี้กับทุกส่วนของรถ จากนั้นจึงค่อยล้างรถยนต์ด้วยน้ำเปล่าทั้งคันอีกครั้ง

6. ใช้น้ำยาขจัดรอยเปื้อน
หากล้างรถเสร็จเรียบร้อยแล้วยังพบคราบหรือรอยเปื้อน ให้ใช้น้ำยาขจัดรอยเปื้อนสำหรับรถโดยเฉพาะทำความสะอาดทันที

7. เช็ดรถให้แห้งทันที
มาถึง วิธีล้างรถที่ถูกต้อง ขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว เมื่อทำความสะอาดรถเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว ควรดูแลรักษารถด้วยการใช้ผ้าเนื้อนุ่มๆ ที่ซับน้ำได้ดี หรือผ้าชามัวร์เช็ดรถให้แห้งทันที โดยเฉพาะกระจกหน้ารถ ด้านในฝากระโปรงหลัง ด้านในบริเวณขอบประตู และด้านในฝาถังน้ำมัน เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดคราบน้ำ รวมทั้งฝุ่นที่จะมาเกาะพื้นผิวสีรถด้วยเช่นกัน


ข้อควรระวังในการล้างรถ

ถึงแม้การล้างรถด้วยตนเองนั้น จะทำให้คุณประหยัดรายจ่ายไปก็จริง แต่ถ้าหากคุณไม่ทราบถึงข้อควรระวังในการล้างรถเอง ที่บางคนอาจจะไม่คาดคิดว่าจะเป็นอันตรายกับรถยนต์มากขนาดนั้น ก็อาจทำให้คุณต้องเสียเงินมากกว่าเดิมก็เป็นได้ครับ

1. สิ่งที่ไม่ควรใช้ในการทำความสะอาดรถยนต์ คือ น้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกเป็นอันขาดเพราะมีความเป็นด่างสูง จะให้ให้สีรถด้าน ไม่เงางาม และเกิดคราบด่างต่างๆติดกับสีรถ

2. ไม่ควรล้างรถในที่แดดจัดๆ เพราะแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับน้ำยาล้างรถทำให้น้ำยาล้างรถระเหยเร็วเกิดไปจนเป็นคราบติดกับตัวรถ ก่อนที่จะขัดล้างรถเสร็จทั้งคัน ต้องเสียเวลากลับมาล้างใหม่อีกครั้ง

3. ไม่ควรปล่อยให้รถแห้งเองตามธรรมชาติ ในการล้างรถเองแต่ละครั้งใช้น้ำในปริมาณที่มาก จึงให้ให้น้ำเกาะอยู่กับตัวรถเป็นจำนวนมาก เมื่อให้รถแห้งเอง จะเกิดคราบน้ำเป็นจุด ทั่วตัวรถ และอาจจะเกิดสนิมกันบริเวณที่อับชื้นได้

4. อย่าล้างรถในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ เมื่อน้ำไปโดนกับความร้อนของเครื่องยนต์จะให้เกิดไอน้ำขึ้นมา เป็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบฉับพลันอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ได้

5. วัสดุอุปกรณ์ไม่มีคุณสมบัติในการล้างรถ เช่น การใช้ผ้าทั่วไปในการทำความสะอาดรถยนต์ หรือใช้ในการล้างรถ เพราะเนื้อผ้าอาจจะมีความแข็งกระด้างผ้าไม่อ่อนนุ่ม ทำให้เวลาทำความสะอาดรถยนต์ หรือเช็ดรถทำให้รถเป็นรอยได้

การล้างรถด้วยตัวเองนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดใช่ไหมล่ะครับ เพียงแค่ต้องทำความเข้าใจในขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธี และรู้จักการใช้อุปกรณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม เท่านี้คุณก็สามารถที่จะดูแลรถคู่ใจของคุณสะอาดเงางามเหมือนขับออกจากคาแคร์ได้แล้วครับ

Visitors: 82,014