ดรัมเบรก กับ ดิสเบรก แตกต่างกันอย่างไร

ดรัมเบรก (Drum Brake) ดรัมเบรกจะติดตั้งแน่นกับลูกล้อ เบรกจะทำงานเมื่อมีการถ่างก้ามเบรกให้เสียดสีกับตัวเบรก

ดรัมเบรกจะทำให้ล้อหยุด ดรัมเบรกใช้มากในรถบรรทุก ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก รวมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลบางรุ่น รถบางรุ่นอาจใช้ระบบนี้เฉพาะล้อหลัง

ข้อดี หยุดรถได้เร็ว เพราะก้ามเบรกและดรัมเบรกถูกยึดติดกับดุมล้อ เมื่อเหยียบเบรก คนขับใช้แรงกดดัน

ข้อเสีย ความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี ระหว่างผ้าเบรกในดรัมเบรกนั้นถ่ายเทความร้อนได้ยาก ในบางครั้งผ้าเบรกมีอุณหภูมิสูงมาก มีผลทำให้ประสิทธิภาพการเบรกด้อยลง

ดิสก์เบรก (Disc Brake) เป็นระบบเบรกที่มีมาทีหลังดรัมเบรก เบรกจะทำงานโดยดันผ้าเบรกให้สัมผัสกับจานเบรกเพื่อให้รถหยุด ซึ่งจะมีแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ บางรุ่นก็เฉพาะล้อหน้า

ข้อดี อากาศถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าดรัมเบรก และถ้าเบรกเปียกน้ำผ้าเบรกจะไล่น้ำออกจากระบบได้ดี ต่างจากดรัมเบรกน้ำจะขังอยู่ภายใน และไล่ออกยาก

ข้อเสีย ไม่มี ระบบมัลติพลายอิ้ง แอ๊กชั่น เหมือนกับดรัมเบรก ผู้ขับทำให้ออกแรงมากกว่าในการเหยียบเบรก เพื่อลบขีดจำกัดเลยต้องใช้ระบบเพิ่มกำลัง ผ่อนแรงขณะเหยียบเบรก เลยทำให้ดิสก์เบรกมีราคาแพงกว่าดรัมเบรก

เราต้องเปลี่ยนผ้าเบรกตอนไหน

  • เมื่อผ้าเบรกเหลือน้อยกว่า 30%
  • เปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อมีคราบน้ำมันหรือจาระบีมากผิดปกติ
  • เปลี่ยนผ้าเบรกทันทีที่เห็นรอยร้าวบนดิสก์เบรกหรือก้ามเบรก

อาการผ้าเบรกใกล้หมดสังเกตยังไง
เสียงดังเหมือนเหล็กสีกัน เป็นเมื่อตอนเหยียบเบรก ถือเป็นสัญญานบอกว่าผ้าเบรกได้บางจนถึงตัวเตือน ซึ่งถ้าผ้าเบรกบางน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร แผ่นเหล็กตัวเตือนนี้จึงจะสีกับจานเบรก ทำให้ต้องรีบเปลี่ยนผ้าเบรกทันที

ทางที่ดีควรมีการ ทุก ๆ 3 เดือนหรือประมาณ 5,000 กม.ควรมีการตรวจเช็คผ้าเบรกให้อยู่ในสภาพใช้งานอย่างไม่มีปัญหา สำหรับระบบดิสก์เบรกนั้นผ้าเบรกจะหมดเร็วกว่าแบบดรัมเบรกประมาณ 2 เท่าหรือว่ากันง่าย ๆ คือเปลี่ยนผ้าดิสก์เบรก 2 ครั้ง จึงเปลี่ยนดรัมเบรก 1 ครั้ง และ อีกส่วนหนึ่งคือพฤติกรรมการขับขี่ อัตตราความถี่ในการเหยียบเบรกของแต่ละบุคคล

**ถ้าเพิ่งเปลี่ยนผ้าเบรก อย่าเพิ่งใช้ความเร็วสูง ขับจี้ตามท้ายคันหน้ามากนัก เพราะตัวระบบเบรกอาจจะยังไม่เข้าที่ เบรกยังไม่ค่อยอยู่ เพราะผ้าเบรกต้องมีการปรับหน้าสัมผัสให้เข้ากับจานเบรกสักพัก เพื่อให้เนื้อผ้าเบรกเข้าที่กับจาน

Visitors: 81,311